นับตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1970 เป็นต้นมา บรรจุภัณฑ์พลาสติกได้ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในฐานะวัสดุบรรจุภัณฑ์สำหรับเครื่องดื่ม ผงซักฟอก และสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ สารประกอบ เช่น โพลีเอทิลีนเทเรพทาเลตทำให้ภาชนะพลาสติกมีข้อดีหลายประการ รวมถึงความเหนียว การประหยัดพลังงาน และความง่ายในการผลิต ยิ่งไปกว่านั้น ภาชนะพลาสติกยังผลิตได้แบบประหยัด ปลอดภัยต่อการใช้งาน และนำไปรีไซเคิลได้
ภาชนะพลาสติกมีความทนทานและยืดหยุ่น ไม่เหมือนกับภาชนะแก้วเมื่อทำหล่น ทำให้ผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ปลอดภัยต่อการจัดการ เนื่องจากพลาสติกเป็นโพลีเมอร์ ซึ่งเป็นโมเลกุลยาวที่สร้างขึ้นจากการเชื่อมโมเลกุลสั้นหลายๆ เข้าด้วยกัน พวกมันจึงมีคุณสมบัติทางกายภาพที่เป็นประโยชน์ เช่น ความเหนียวและความทนทานต่อสารเคมี ความยืดหยุ่นแบบเดียวกันนี้ทำให้ภาชนะพลาสติกไม่น่าจะรั่วหรือแตกได้ ช่วยปกป้องสิ่งของภายในและกล่องสำหรับขนส่งภายนอก
วัสดุพลาสติกนั้นง่ายต่อการขึ้นรูปเป็นภาชนะหลากหลายรูปทรง ปรับปรุงรูปลักษณ์และประโยชน์ใช้สอย ตัวอย่างเช่น ผู้ผลิตรวมเอาที่จับในตัว เครื่องหมายวัด และปากเทลงในภาชนะพลาสติกบางประเภท นอกจากนี้ พลาสติกอาจมีตั้งแต่ใสไปจนถึงเฉดสีหรือสีใดๆ ไม่ว่าจะโปร่งแสงหรือทึบแสง ทำให้ผลิตภัณฑ์และแบรนด์สามารถระบุได้ง่ายด้วยสายตา ภาชนะพลาสติกไม่ต้องการสี วัสดุที่ใช้ทำสีจะถูกผสมลงในเม็ดพลาสติก จึงไม่ไหล ถู หรือล้างออก
ภาชนะพลาสติกมีน้ำหนักเบากว่าภาชนะแก้ว ซึ่งช่วยลดพลังงานและค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้า นอกจากนี้ เนื่องจากพลาสติกมีความอ่อนและมีจุดหลอมเหลวค่อนข้างต่ำ บรรจุภัณฑ์พลาสติกจึงใช้พลังงานในการผลิตน้อยกว่าแก้ว
หลังจากใช้งานครั้งแรก PET และภาชนะพลาสติกประเภทอื่นๆ จะถูกนำไปรีไซเคิลเป็นผลิตภัณฑ์รองหลายประเภทได้อย่างง่ายดาย รวมถึงเส้นใยพรม ไส้หมอน กระเป๋าโท้ท และวัสดุรัดสายรัด ขวดเครื่องดื่มและภาชนะที่ไม่ใช่อาหารบางชนิดก็ใช้พลาสติกรีไซเคิลเช่นกัน ภาชนะพลาสติกน้ำหนักเบาช่วยลดต้นทุนการขนส่งวัสดุไปยังศูนย์รีไซเคิล